พาเที่ยวอุทัยธานี เมืองนี้ไม่มีห้าง
เมื่อพูดถึงจังหวัดอุทัยธานี เชื่อว่าหลายคนคงนึกไม่ออก ว่าจังหวัดนี้มีอะไรให้เที่ยว?
เราเองก็เหมือนกัน
ไม่มีแม้กระทั่งความคิดในหัว ว่าเอ๊อออ … เราไปเที่ยวอุทัยธานีกันเถอะ
ทริปนี้ เริ่มจากการที่เราตั้งใจจะไปสุโขทัย
เมืองแห่งโบราณสถาน และประวัติศาสตร์ไทย ที่หลายคนก็พอจะนึกออกบ้าง ว่ามันมีอะไรให้เที่ยว
เราหาข้อมูลอยู่นานว่าถ้าไปสุโขทัย ต้องผ่านจังหวัดอะไรบ้าง เราอยากแวะพักสัก 1 คืน เพราะไม่อยากขับรถรวดเดียวจากกทม.ไปสุโขทัย
อุทัยธานีกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของเรา
และเมื่อเราหาข้อมูลไปเรื่อยๆ .. เราก็ตัดสินใจที่จะไปเยือน “เมืองผ่าน” ที่แสนจะมีเสน่ห์แห่งนี้ทันที
อุทัยธานีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสีเขียวขจีจากทุ่งนา เป็นเมืองที่คนน้อยมาก แม้แต่ในตัวเมืองก็ยังแทบจะไม่มีรถเลย
ผู้คนก็แสนเป็นมิตร
เป็นมิตรแค่ไหนเหรอ?… ให้ลองเดินดุ่มไปคุยเลย .. แล้วจะรู้ว่าบทสนทนาจะไม่ได้จบลงง่ายๆภายใน 5 นาที จะมีเรื่องสัพเพเหระ เรื่องเล่าของอุทัยธานีที่คนแถวนั้นยินดีจะเล่าให้เราฟังพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
คนที่เราไปทัก แม้จะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเรา
แถมเค้าก็เห็นเราเป็นคนต่างถิ่น แต่กลับไม่มีกำแพงอะไรมากั้นตลอดการสนทนา
เราได้รู้ว่า…
-อุทัยไม่มีห้างในตัวเมืองเลยสักห้าง
-คนอุทัยนอนเร็ว สองทุ่มก็นอนแล้ว ใครจะหิวตอนดึกนี่ไม่ได้นะ เงียบสงัด
-ตลาดเช้าก็เช้ามาก แม่ค้าตื่นกันตีสองตีสาม ออกมาเตรียมของขายแล้ว
-เซเว่นก็แทบไม่มี มีแต่ร้านโชวห่วยของชาวบ้านและตลาดสด
-คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ ทำสวน ทำนา และขายของ
-ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้สูงอายุ คนอุทัยเลยใจเย็น ยิ้มแย้ม ไม่รีบไม่ร้อน
-ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีโจรฉกชิงวิ่งราว ตรงนี้เจ้าของที่พักการันตีเองเลย
-อาหารอร่อย เป็นอาหารรสไม่จัด ไม่เค็มจัด ไม่หวานจัด ไม่เผ็ดจัด แต่กลมกล่อม และกินได้เยอะ เพราะรสไม่จัดนี่แหละ
-ขนมครกโคตรรรอร่อย มันเป็นขนมครกโบราณ ไม่ได้กรอบเหมือนทองหล่อ จะเหลวๆ ข้นๆ แต่พอกินไปแล้ว โอ้โหหหหหห นุ่ม หวานละมุน และหอมกะทิที่สุดในโลก คิดแล้วก็อยากกินอีกจัง
-ค่าครองชีพถูก อาหาร 25 -30 บาท ไปทานร้านอาหารชื่อดัง สั่งกับข้าว 4 อย่าง จานใหญ่วางเต็มโต๊ะ คิดออกมา 350 บาทไม่ขาดไม่เกิน ตัวกลมหันมาถามสองรอบ ว่าเค้าคิดเงินผิดหรือเปล่า?
“แล้วอุทัยฯมีอะไรให้เที่ยวบ้างคะ ? “
เราถามเจ้าของที่พัก
หุบป่าตาด คือที่หมายที่เค้าแนะนำ
เป็นป่าดึกดำบรรพ์ที่กรมอุทยานแห่งชาติให้เป็นเขตอนุรักษ์ เพราะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้หายากมากมาย
ซึ่งเมื่อเราไปถึงแล้วเห็นด้วยว่า “มันดึกดำบรรพ์สมชื่อ” ค่าเข้าเพียงแค่คนละ 20 บาท จ่ายเงินแล้วจะได้รับไฟฉายคนละกระบอกมาถืออย่างงงๆ
“ต้องใช้ไฟฉายด้วยเหรอครับ”ตัวกลมถามเจ้าหน้าที่
“ครับ จะมีพื้นที่ที่ต้องลอดถ้ำเข้าไป” เจ้าหน้าที่ตอบ
“หลังปลดล็อคโควิด คนเยอะขึ้นมั้ยคะ” เราเริ่มทำการชวนคุยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คนเยอะมากๆครับ โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ นี่คุณโชคดีนะมาวันธรรมดา ไม่อย่างนั้นคนจะเยอะและแน่นมากๆเลย”
และนี่คือความโชคดีแรกของเราที่มาถึงอุทัยธานี
ด้วยความที่เรามาแบบไม่รู้อะไรเลย และไม่คาดหวัง หุบป่าตาด จึงเป็นสถานที่ๆทำให้เรารู้สึกมหัศจรรย์ใจมากที่สุดในชีวิต
เมื่อก้าวเข้าไป จะพบกับถ้ำที่มืดสนิท มืดจนน่ากลัว และในนาทีนี้ เราก็จะต้องใช้ไฟฉายที่ได้รับมาให้เป็นประโยชน์
มีคู่รักวัยรุ่นเดินเข้าไปก่อนเรา แล้วไม่กล้าเดินต่อ เราเลยเดินนำหน้าให้ เค้าถึงจะกล้าเดินตามเข้ามา
ภายในถ้ำ จะมีลักษณะเป็นถ้ำหินปูน มีทางน้ำให้เห็นเป็นระยะ และในจุดที่มืดสนิทก็มีค้างคาวเต็มไปหมด
เมื่อเดินออกมาแล้วจะพบกับเส้นทางของป่าดึกดำบรรพ์สมชื่อ
ป่าดึกดำบรรพ์นี้ ถ้าให้จินตนาการ..เราจะนึกถึงหนังจูราสสิคพาร์ค อย่างไรอย่างนั้นเลย ทุกอย่างดูใหญ่ไปหมด เรากลายเป็นคนตัวเล็กนิดเดียวในป่านี้
แต่โซนที่มีต้นไม้เขียวๆนี่ จะมีพนักงานที่ทำหน้าที่ไล่ต้อนไม่ให้เราอยู่นาน
พนักงานที่ว่าไม่ใช่มนุษย์
แต่เป็นแมลงตัวเล็กๆ หลากหลายชนิด ที่เราก็ไม่รู้จนวันนี้ ว่ามันคือตัวอะไรบ้าง เค้าทำหน้าที่แยกกัน
ชนิดนึงตอมตา
ชนิดนึงตอมหู
และอีกชนิดก็ตอมส่วนอื่นในร่างกาย
เอาเป็นว่าพนักงานเหล่านี้ทำให้เราอยู่ไม่สุข และไม่สามารถหยุดถ่ายรูปนานๆได้เลย
ถ้าวันหยุดคนมาเยอะอย่างที่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วเค้าบอก ..พนักงานเหล่านี้จะทำหน้าที่ไล่ต้อนให้คนทะยอยไปจุดอื่นได้อย่างเร็วววมากกกกก
หลังโดนพนักงานต้อนมาโซนที่สอง
โซนนี้จะเป็นโซนหินงอกหินย้อย เราขอเรียกแบบนี้ละกัน
มันสวย สวยมากจนเราไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไง และเหมือนเป็นโซนที่พนักงานแผนกไล่ต้อนหมดหน้าที่ (ไม่ตามมาตอมแล้ว)
คำว่า “ความงามในภาพถ่าย สวยไม่ได้เท่าที่ตาเห็น” – เราได้รู้ซึ้งก็นาทีนี้ และอยากให้ทุกคนได้เห็นเหมือนกับเราจัง แต่แนะนำให้ไปวันธรรมดานะ แล้วจะรู้สึกดีเหมือนเรา
จบจากหุบป่าตาด เราไปต่อกันที่
ตลาดเย็นบริเวณริมแม่น้ำสะแกกรัง
เดินออกจากที่พักไปไกลพอสมควร..ที่ไกลพอสมควร น่าจะมาจากเราหลงทางด้วย 55555
ไปบริเวณตรอกโรงยา มีพี่ผู้ชายเห็นว่าเป็นคนต่างถิ่น และน่าจะหลงแน่ๆ .. พี่เค้าก็ทักขึ้นมาว่า หลงทางเหรอ จะไปไหน เอาเอกสารไปดูก่อน !!
แล้วก็หายเข้าไปในบ้าน กลับมาพร้อมเอกสารเที่ยวอุทัยธานี คือ มีความน่ารักและเป็นมิตรมากจริงๆ
เรารักคนที่นี่จัง
ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ หลายคน หลายเรื่อง ที่เราได้ไปคุย แต่เราคงไม่สามารถเล่าในที่สาธารณะแบบนี้ได้
แต่นั่นทำให้เราเก็บอุทัยธานีไว้ในหัวใจแล้ว ว่าเป็นหนึ่งในจังหวัด ที่เราอยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่
แล้วจะแวะไปอีกนะ อุทัยธานี เมืองรอง ที่สวยงามไม่เป็นสองรองจากใครเลย