อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกไทย มรดกโลก

ก่อนเดินทางเพียงไม่กี่วันเราได้ข่าวว่าจังหวัดสุโขทัยน้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนัก

น้ำป่าจากจังหวัดน่านและแพร่ ระบายออกทางแม่น้ำยม ซึ่งส่งผลให้จังหวัดสุโขทัยบางส่วนน้ำท่วมสูง

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราล้มเลิกทริปนี้

ช่วงที่เราเดินทาง โชคดีที่สถานะการณ์น้ำท่วมที่สุโขทัยดีขึ้นแล้ว พิจิตร และพิษณุโลก เป็นอีกสองจังหวัดที่น้ำท่วมแทน เนื่องจากน้ำระบายไปทางนั้น เราเลยเลือกเดินทางไปตามเส้นทางนครสวรรค์และกำแพงเพชรแทน  จะได้ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าน้ำจะท่วมเส้นทางไหน

เมื่อเข้าสู่จังหวัดสุโขทัย

ทัศนียภาพสองข้างทางยังคงความเป็นธรรมชาติด้วยวิวของทุ่งนาเสียเป็นส่วนใหญ่และเติมแต่งไปด้วยโบราณสถานและโบราณวัตถุอยู่เป็นระยะ ให้บรรยากาศเหมือนเราได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในสมัยกรุงสุโขทัยอย่างไรอย่างนั้น

แต่ก็ไม่รู้ว่าแดดสมัยสุโขทัยจะร้อนเท่าแดดในตอนนี้มั้ย

แดดร้อนม๊ากกกกกกกกกก !! มากเสียจนยืนอยู่เฉยๆก็เหงื่อไหลท่วมตัวได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย แต่ใจเราสู้ แดดร้อนเราก็สู้ !! 555 .. หมวกพร้อม ใจพร้อม แม้ครีมกันแดดไม่พร้อม (เพราะลืมเอามา T . T) แต่เราก็จะไป !!

ที่หมายของเราคืออุทยานประวัติศาตร์สุโขทัย

ทางเข้าที่จอดรถออกจะงงไปเสียหน่อย เราไปจอดอยู่บริเวณด้านหลังของอุทยานฯ

เมื่อลงไปท่ามกลางความงง ว่าทางเข้าอยู่ตรงไหน ก็เลยเดินตามๆเค้าไป จนเจอกับจุดรถไฟฟ้าที่มีไว้ให้เช่าขับเที่ยวชม

ด้วยความที่ทริปนี้เราไม่ได้หาข้อมูลมา เราเลยเหมือนโดนตกเป็นเหยื่ออยู่หน่อยๆ 

พอเราก้าวเข้าไปถามว่าทางเข้าอยู่ตรงไหนกับจุดเช่ารถไฟฟ้าด้านนอก  .. เราก็โดนรุมจากพ่อค้าแม่ค้าจุดนั้น พูดรัวๆ เสนอราคาค่าเช่า บริการ เวลาคืนรถ เวลารับรถให้เรางงๆมึนๆ

ตัวกลมถูกชวนไปลองขับ ส่วนเราโดนประกบให้จ่ายเงิน พร้อมบอกเวลาและค่าใช้จ่าย

“ชั่วโมงละ 440 บาท รวมค่าตั๋วเข้าคนละ 20 บาท เดี๋ยวเรามีบริการไปซื้อตั๋วให้ และแถมเวลาให้อีก 30 นาทีนะคะ จากเวลาที่ต้องคืน 17.10 น.เอาไปเลยอีก 30 นาที ก็คือคืนอีกที 17.40 น.” แม่ค้าบอก พร้อมเขียนกระดาษให้เรา

“นี่คือแผนที่ ขับไปตามนี้ เราอยู่ตรงนี้ เวลาคืนๆที่จุดนี้” พ่อค้าอีกคนยื่นแผนที่ให้ตัวแสบ ในขณะที่แม่ค้าก็สาละวนกับการเขียนกระดาษ

“หนูกลัวหลงทาง” เราบ่นกับตัวเองพร้อมบอกพ่อค้าด้วย

“ไม่หลงหรอกครับ นี่ขับเป็นวงกลม มาตรงนี้ๆๆๆ” พ่อค้าพยายามบอก แต่เราก็กังวลเรื่องการหลงทางอยู่ดี

“ถ้าหนูหลงจะคิดเงินหนูเพิ่มมั้ย” ขอบ่นอีกที

“ถ้าไม่เยอะเกิน ไม่คิดเพิ่มค่ะ แต่นี่ก็แถมให้ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ขับไม่ยากหรอก” แม่ค้าบอกให้เรามั่นใจ  .. ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร ฮ่าๆ

จบจากจุดนั้น เราต่างพากันขับรถแล้วเข้าไปที่อุทยานฯ แล้วหันมาคุยกันว่า ..

“ทำไมเราเหมือนโดนแกงค์ป้ายยา???” ตัวกลมเปิดประเด็น

“ใช่มะ รู้สึกเหมือนกันใช่มะ ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก เค้าพูดรัวๆเร็วๆใส่เรา” เราเสริมทัพ

ตัวกลมเลยไปคุยกับเจ้าหน้าที่ด้านใน ว่าจุดเช่ารถมันยังไงกันแน่ ก็ได้มารู้ทีหลังว่าเราโดนเข้าแล้ว 55

จริงๆแล้วรถไฟฟ้าด้านในอุทยานก็มีให้เช่า และชั่วโมงละ 200 บาทเท่านั้น + บัตรค่าเข้าชมอีกคนละ 20 บาท

จุดที่เราไปเช่า คือ ของเอกชนด้านนอก ซึ่งเค้ามีไว้สำหรับครอบครัวใหญ่ (6 ที่นั่ง) แล้วมัดมือชก ไม่ให้เราเช่ารถเล็กสำหรับสองคนเสียด้วย

แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นอดีตไปละ 555  เราเอามาเล่า จะได้ไม่มีใครพลาดเหมือนเรา

การเที่ยวชมในอุทยานฯ จะมีแผนที่ให้

จะมีจุดให้เราเที่ยวชมอยู่หลายจุด ซึ่งถ้าใช้การเดิน ก็อาจจะใช้เวลามากอยู่สักหน่อย แต่ด้านในก็มีรถรางของอุทยานแวะรับไปแต่ละจุดเป็นระยะๆ (เหมือนจะต้องเสียเงินซื้อตั๋วรถรางเพิ่มนะ ตรงนี้ไม่แน่ใจ แต่ไม่แพงจ้า)

สำหรับเราแล้ว การเช่ารถไฟฟ้าก็โอเคนะ ทำให้เราไม่เหนื่อยมาก .. เพราะสุโขทัยแดดจัดเหลือเกิน และแต่ละจุดก็ต้องทนแดดมากๆ เพราะเป็นลานเปิดโล่ง

เวลาที่เราไปเป็นช่วง 4 โมงเย็น ซึ่งกลายเป็นว่าได้ภาพย้อนแสงเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากพระหันทางทิศตะวันออก แต่เราก็โอเคนะ เพราะได้ภาพที่สวยงามไปอีกแบบ

จริงๆแล้วเราอยากจะเก็บภาพตอนกลางคืนด้วย (อุทยานปิด 1 ทุ่ม) 

เค้าว่ากันว่า ไฟตอนกลางคืนสวยมาก

แต่เราก็ถูกจำกัดด้วยเวลาที่ต้องคืนรถไฟฟ้า แล้วดันเช่ารถไฟฟ้าด้านนอก (ต้องออกจากเขตอุทยาน) มาขับ บวกกับอาการหมดแรง เพราะเหนื่อยมากจริงๆ .. ก็เลยอยู่เที่ยวชมได้ชั่วโมงกว่าๆ แล้วก็ต้องจำใจกลับที่พัก

แต่ก็ถือว่าเป็น 1 ชั่วโมงที่เราใช้เวลาคุ้มค่านะ

อาจจะไม่สามารถแวะเก็บภาพได้ครบทุกจุด .. แต่ก็ทำให้ได้เห็นความสวยงามและวัฒนธรรมที่แฝงอยู่ในโบราณสถานในแต่ละจุดที่ได้แวะชมได้เป็นอย่างดี

Author: AbaiyaMook