Rustic Charm Suphan เริ่มต้นด้วยความฝัน ดูแลด้วยความรัก

ถ้าคุณต้องเลือก’ที่พัก’ สักที่ …คุณเลือกจากอะไรเป็นปัจจัยหลัก?

บางคนบอกว่าต้องสะดวกสบาย ต้องสวย ต้องกว้าง ต้องมีอาหารเช้า …

แต่สำหรับเรามันจะแตกต่างออกไปเสียหน่อย

เพราะเราเลือก “ความสงบและเป็นส่วนตัว” เป็นประเด็นสำคัญ

Rustin Charm Suphan ตอบโจทย์เราได้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็น

รีสอร์ทขนาดเล็กที่ถูกซ่อนตัวอยู่ใต้สวนร่มรื่นในจังหวัดสุพรรณบุรี สร้างด้วยรัก ดูแลด้วยใจ จากสองสามีภรรยาชาวไทยและชาวอังกฤษ เชิญชวนให้เราไปพักด้วยรีวิวจาก Agoda ที่มีคะแนนนำโด่งรีสอร์ทอื่นๆแบบเทียบไม่ติด

เจ้าของรีสอร์ทน่ารักมาก

พี่แอนดูแลดีมาก

สงบ ร่มรื่นมาก

อยากหนีจากความวุ่นวาย ให้มาที่นี่

ฯลฯ ประโยคเหล่านี้เชื้อเชิญเราให้ไม่ลังเล ที่จะเลือกที่พักนี้เป็นที่หลับนอนสำหรับการเดินทางมาสุพรรณ

ทางเข้ารีสอร์ทค่อนข้างลึกลับ

ถ้าโลกนี้ไม่มี Google map เราก็คงจะหลงทางและแอบบ่นในใจตลอดทางที่เรารีสอร์ทไม่เจอ

แต่โชคดีที่กูเกิ้ลแมพแก้ไขปัญหาให้เราแล้ว แต่ก็ยังแอบหวั่นในใจตลอดทางที่ขับผ่านมา เพราะทางแคบมากกก จนกลัวว่ารถจะสวนกันยังไง

เมื่อมาถึงบริเวณรีสอร์ท ก็จะเจอกับป้าย Charm ตัวใหญ่ ชี้ชัดว่าเราถึงที่หมายแล้วโดยไม่ต้องกลัวหลงทางอีก 😂

ที่จอดรถกว้างขวางมาก จอดเสร็จจะเห็นป้ายเล็กๆเขียนว่า เข้าที่พักให้เดินขึ้นสะพานไม้มา 120 เมตร

สะพานไม้ที่ว่าไม่ใช่สะพานไม้ธรรมดา

แต่มันมีซุ้มให้ลอดผ่าน เหมือนอุโมงค์แห่งกาลเวลาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียวชอุ่ม แถมประดับประดาไปด้วยแสงจากดวงอาทิตย์ที่ทอรัศมีอยู่เบื้องหลัง

สวยมากเลยยย เราบอกสามีที่เดินตามหลังมาอย่างตื่นเต้น

และเมื่อเดินลอดอุโมงค์ผ่านมาแล้วก็จะเจอกับบ้านพักเรียงราย พร้อมป้ายที่ติดไว้ ว่าบ้านไหนคืออะไร เหมือนหมู่บ้านเล็กๆที่อบอุ่น

เราได้มีโอกาสคุยกับพี่แอนเจ้าของรีสอร์ท และสามีของพี่เค้า ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ

พี่แอนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ..จากการพูดคุย เรารู้สึกว่าพี่เค้ามีพลังงานเต็มเปี่ยม นัยน์ตากลมโตที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจังนั่น ทำให้เราสัมผัสได้ว่าสิ่งที่พี่เค้าเล่าให้เราฟัง คือ เรื่องจริงทุกคำ

พี่แอนเป็นคนกรุงเทพฯ โดยแท้ และเพิ่งย้ายมาอยู่ที่สุพรรณบุรีเมื่อ 6 ปีก่อน แค่เรารู้ว่าพี่เค้าเป็นคนกรุงเทพฯ ก็นึกประหลาดใจแล้ว เพราะจุดที่พี่แอนอยู่นั้นห่างไกลจากความสะดวกสบาย และความเจริญของกรุงเทพฯไปมากเลยทีเดียว

“พี่ต้องอยู่ให้ได้ และพี่ก็อยู่ได้ ..” พี่แอนบอกกับเรา

สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัดแบบนี้ พี่แอนบอกว่ามันคือ “การปรับตัว”

การปรับตัวอย่างแรกเลย คือ การปรับ Mindset หรือแนวความคิดของเราเอง

แต่ก่อนที่นี่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า แห้งแล้งเหมือนฝั่งตรงข้ามที่น้องเห็น (พี่แอนพูดแล้วก็ชี้ไปฝั่งตรงข้าม ที่มีแต่กอหญ้าขึ้นรกร้างเหี่ยวแห้ง)

นั่นแหละ .. แต่ก่อนที่นี่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน .. พอเราเข้ามาอยู่ เข้ามาปลูกบ้าน เราก็มีความรู้สึกว่าถ้าชาวบ้านทำแบบนั้น ชาวบ้านเป็นแบบนี้นะ มันจะดีกว่านี้ .. ทำไมเค้าไม่ทำแบบนั้น .. ทำไมเค้าไม่เป็นแบบนี้ เราคิดไปหมดเลย เหมือนไปคิดแทนเค้า .. ว่าเชื่อชั้นสิ .. ถ้าทำแบบนี้ความเป็นอยู่ของเธอจะดีกว่านี้แน่นอน..

แต่ก่อนพี่คิดแบบนี้ .. แต่พอได้เข้ามาอยู่ ได้มาซึมซับ คนเราอ่ะจะไปคิดแทนคนอื่นไม่ได้ .. เค้าพอใจที่จะเป็นแบบนั้น และคนที่ต้องปรับตัวและปรับ Mindset คือตัวเราเอง” – พี่แอนเล่าด้วยท่าทีสบายๆ

“พี่พูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่จริงๆมันทำยากมากสำหรับผม” สามีเราบอก

“ยาก .. แต่ต้องทำให้ได้ ถ้าเราทำไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้ ทุกอย่างคือการปรับตัว” พี่แอนเสริม

“พี่เคยเป็นคนทำงาน แถมทุกอย่างก็ต้องเป๊ะๆๆ .. มาอยู่ที่นี่แรกๆ พี่ก็ทำเองหมดเลยทุกอย่าง โต๊ะ ตู้ .. แม้แต่การออกแบบบ้านว่าจะต้องใช้ท่อเท่าไหร่ ปั๊มน้ำยังไง ระบบนั่นโน่นนี่ พี่มาศึกษาทำความเข้าใจ และเรียนรู้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองหมดเลย บ้านที่น้องเห็น หลังคาพี่ก็ออกแบบเอง

พอออกแบบเองก็มีปัญหา เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเวลาฝนตก ฝนมันสาดนะ ความเอียงมันไม่พอ ความลาดมันไม่พอ .. ก็เรียนรู้และปรับกันไป .. ทุกอย่างคือความชอบ และสไตล์ของพี่กับแฟนพี่เอง” พี่แอนเล่าต่อ

“โต๊ะนี้ก็ทำเองเหรอคะ” – เราถามแล้วชี้ไปที่โต๊ะข้างหน้า ที่อยู่ไม่ไกล .. ที่ถามเพราะทึ่ง เพราะมันดูแข็งแรงและสวยงาม เหมือนช่างมืออาชีพทำขึ้นมาขายยังไงยังงั้น และพี่แอนก็ตอบว่า “ใช่ ลุงเป็นคนทำขึ้นมา” (พี่แอนเรียกแทนสามีว่าลุง)

“พี่ซื้อที่ และสร้างมันมา 6 ปี แต่รีสอร์ทนี้เพิ่งจะเปิดมาได้แค่ 2 ปี .. ทุกอย่างมีคอนเซปหมดเลย ตั้งแต่ทางเดินเข้า ..

สะพานไม้ที่น้องเดินเข้ามา .. มันเป็นการจำลองความทรงจำตอนเด็กของครอบครัวพี่ .. บ้านที่กรุงเทพฯของเราเป็นแบบนั้น แล้วพอเดินมาสักพักจะมีซุ้มไม้ .. และนั่นแหละ .. บ้านเก่าพี่ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ทุกอย่างคือภาพความทรงจำดีๆ ที่ครอบครัวพี่อยู่ด้วยกันพี่น้อง เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ เรารู้สึกยังไง ชอบอะไร .. ความทรงจำที่สวยงามเป็นยังไง .. เราเอาสิ่งนั้นมาใช้กับรีสอร์ทเราหมดเลย”

เราฟังมาถึงตรงนี้ .. เราคิดภาพตามในหัวจากที่พี่แอนเล่า .. ทำให้รู้สึกและสัมผัสได้เลยว่า พี่แอนเป็นคนที่อบอุ่นนะ .. และพี่น้องก็รักกันด้วย เราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นนี้ตั้งแต่เดินสะพานไม้เข้ามาอย่างที่พี่แอนบอกจริงๆ

“ผมขอพูดบางอย่างจากใจเลยนะครับ .. ว่าผมรู้สึกดีกับที่นี่และรู้สึกว่าคู่ของผมคล้ายพี่มากๆ .. จะด้วยความเป็นคนกรุงเทพฯ และอยากจะมาใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัดในบั้นปลาย จะด้วยความที่ก็มีแผนในใจ .. ว่าอยากจะเปิดบ้านพักเล็กๆ เอาไว้มีรายได้เล็กๆน้อยๆ ไว้ประทังชีวิตตอนแก่ .. ตอนนี้ผมก็หาดูที่ดินอยู่ครับ .. แต่ยังหาไม่ได้สักที” – เป็นครั้งแรกที่เราได้ยินสามีเราถามและเปิดใจตัวเองกับคนแปลกหน้ามากขนาดนี้

“หนูไม่มีลูกค่ะ .. และเราก็วางแผนไว้ว่าจะไม่มีด้วย” เราเสริม

“โอ้โห .. งั้นคุยกันยาวเลย” พี่แอนเริ่มขยับจากการยืน มาพิงเคาเตอร์ในท่าทีที่สบายขึ้น เพื่อการสนทนาที่ดูจะยาวนานขึ้น (555)

“เชื่อมั้ยว่า ที่ดินมันรอเจ้าของ?” พี่แอนถามเราสองคน และเล่าต่ออย่างรวดเร็ว

“พี่ไม่ได้ซื้อที่นี่ในทันทีนะ .. พี่ก็ดูที่ดินไปเรื่อยๆ ครั้งแรกที่มา พี่อยู่ฝั่งโน้น .. แล้วก็มองๆ เห็นมีแม่น้ำมีอะไร ก็ถามกับเจ้าของรีสอร์ทฝั่งโน้นว่าที่ตรงนี้ขายไหม .. ลุงก็ชี้ๆว่าตรงเนียะดี ถ้าได้ตรงนี้ก็คงจะดี

พี่ก็ไปไหว้ขอพรนะ ว่าถ้ามีโอกาสที่จะได้อยู่ที่นี่ก็ขอให้ท่านเมตตา สุดท้ายแล้วก็ได้มาอยู่ที่นี่จริงๆ

น้องเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับไหม ? พี่จะบอกว่ามันมีอะไรเชื่อมโยงกันไปหมดเลย คำว่าที่ดินมันรอเจ้าของก็เพราะแบบนี้ มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึก เอ๊ะ!! บังเอิญจัง .. แล้วหลายๆความบังเอิญพอมันมาเชื่อมโยงกัน มันทำให้เรารู้เลยว่า นี่แหละ .. มันคือที่ของเราจริงๆ และที่ตรงนี้รอคอยเรามานานมากแล้ว”

“ถ้ายังงั้นเราคงไม่ได้อยู่อุทัยฯแล้วล่ะ” ฟังถึงตรงนี้เราก็หันไปบอกสามี

“จริงๆหนูกับแฟนจะไปดูที่ๆอุทัยค่ะ .. แต่ที่พักไม่มีเลย หนูเลยไม่ได้ไป ทั้งๆที่นัดเจ้าของที่ไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย” เราเล่าให้พี่แอนฟัง

“ถ้าเป็นของๆเรา ยังไงเค้าก็รอเรา” พี่แอนบอก

“ถ้าผมจะซื้อที่ดิน ผมควรเริ่มซื้อไม่เกินอายุเท่าไหร่ครับ” สามีเราถามต่อ

“ไม่ควรเกิน 45 จริงๆตอนนี้ก็ควรซื้อได้แล้ว .. เพราะการสร้างบ้าน สร้างอะไรมันใช้เวลา .. และถ้าคิดจะสร้าง อย่าคิดใหญ่ อย่าคิดยาว .. ให้ค่อยๆทำ

เอาน็อคดาวน์มาตั้งก่อนก็ได้ .. ตั้งเพื่อให้พออยู่ได้แล้วเข้ามาอยู่เลย .. อยู่เพื่อให้ได้รู้ว่ามันต้องปรับอะไร ทิศลมไปทางไหน แดดไปทางไหน ปลูกอะไรถึงจะขึ้น

บ้านน่ะ ถ้าไม่อยู่เราไม่มีทางรู้เลย .. พี่สร้างบ้านหลังแรกนะก็ผิดตั้งแต่ทิศทางลม ถ้าเราไม่รู้ทิศทางลมเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องสร้างยังไง หันหน้าไปทางไหน .. แม้แต่ต้นไม้ก็ย้ายกันงงแล้ว เพราะแต่ละต้นมันทนแดดทนร้อนได้ไม่เท่ากัน

แล้วอย่าคิดไกล อย่าคิดใหญ่ อย่าสร้างบ้านใหญ่โต .. เอาเล็กๆ ดูแลกันทั่วถึง .. ที่ดินไม่ต้องซื้อเป็นสิบๆไร่ เพราะยังไงมันก็ดูแลกันไม่ทั่ว .. แค่ 1-2 ไร่ก็พอถ้าไม่ทำรีสอร์ท

ชีวิตคนเราอ่ะ บางทีก็ไม่ต้องคิดยาว ไม่ต้องคิดเยอะ

เราจะมีชีวิตอยู่ไปจนถึงร้อยปีเหรอ ? เราจะไม่ป่วยไม่แก่ไม่ตายหรือเปล่า ? ก็เปล่า .. เพราะฉะนั้นทำอะไรทำเลย ไม่ต้องคิดนาน ถึงเวลาทุกอย่างมันทางเดินของมันเสมอแหละ ก็แก้ไขปัญหากันไป สิ่งสำคัญคือการปรับตัว

พี่ทำรีสอร์ทแรกๆ พี่ลงมือทำเองหมดเลย .. แต่สุดท้ายวันที่เราเหนื่อยมากร่างกายก็ไม่ไหว พี่ก็กลับมาถามตัวเองว่า .. เงินที่จะเสียไปในการจ้างคนมาทำแทนเราอ่ะ มันคุ้มกว่าไหม .. ก็นั่นแหละ ก็ทำให้รู้ว่าโอเค .. มันคุ้มกว่าที่เราจะมาเหนื่อยเสียเอง พี่ก็เลยต้องตัดสินใจจ้าง

ทุกอย่างคือการปรับตัว

เล่ามาถึงตรงนี้ เรามองดูนาฬิกาก็เลยได้รู้ว่าชวนพี่แอนคุยกันนานเสียเป็นชั่วโมงแล้ว และเรามีที่หมายต่อไปที่จะต้องไป เลยขอบคุณกับประสบการณ์ดีๆของพี่แอนเสียยกใหญ่ และขอตัวลาออกมาเก็บของ เพื่อเช็คเอาท์ออกจากที่พัก

เราบอกพี่แอนว่า ขออนุญาตในการนำเรื่องมาเขียน Blog ซึ่งก็หวังว่าถ้าพี่แอนได้มาอ่านเรื่องราวที่เราเขียนในวันนี้ คงจะประหลาดใจ ว่าเรื่องราวของพี่แอนที่เล่าให้เราฟังทุกคำพูด ถูกถ่ายทอดออกมาทั้งหมดเลยในบทความนี้ แทนที่จะเป็นการรีวิวที่พักแบบธรรมดาๆ เพราะมันเป็นเรื่องเล่าดีๆที่ทำให้เราได้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับแนวคิด ในการใช้ชีวิตในวันนี้และเป้าหมายในอนาคตเราเลยทีเดียว

พี่แอนยังแอบแนะนำกับลุงว่า เราเป็น Blogger เราเลยต้องออกตัวพัลวันว่า เรายังไม่ดังนะ !! ซึ่งลุงก็ตอบกลับมาว่า “ดังสิ ! หลังจากที่ u เขียนบทความเกี่ยวกับ Rustic Charm นี่แหละ คุณดังเลย !!!” ฮ่าๆๆๆ พี่แอนกับลุงน่ารักทั้งคู่เลย

เราเชื่อว่าทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้ คงอยากจะตามไปพักและทำความรู้จักกับพี่แอนและลุง เจ้าของ Rustic Charm แน่ๆ

ถ้าใครมีโอกาสได้ไป เราขอฝากให้ไปจกพุง “บุญเลี้ยง” แมวส้มประจำรีสอร์ทแทนเราด้วย เพราะตอนเราไปไม่มีโอกาสได้เจอบุญเลี้ยงเลย

ขอบคุณสำหรับวันดีๆ ที่พักสงบ สะอาด และอบอุ่นมากๆนะคะ

Rustic Charm Suphan

Author: AbaiyaMook