หนีไปเป็นควาญ-ที่กาญจนบุรี
เปิดทริปแรกของปี 2020
กลายเป็นทริปฉุกเฉิน ฉุกละหุก และไม่ได้ตั้งใจ
จากที่เราทั้งคู่แพลนไว้ตั้งแต่ปี 2019 และตั้งหน้าตารอคอยที่จะได้ไปญี่ปุ่น ในวันที่ 1-7 มีนาคม ก็เป็นอันต้องพับเก็บไปก่อน
.
เพราะสถานการณ์โควิท-19 (ชื่อเดิมคือโคโรน่า) ช่วงที่เราแพลน เป็นช่วงที่กำลังเริ่มต้นระบาดหนักในญี่ปุ่นและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
ประกอบกับที่บริษัท มีหนังสือขอความร่วมมือในการไม่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้ เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทั้งอาจยังนำมาสู่การแพร่ระบาดและทำให้เกิดความเสียหายในองค์กรไปด้วย
.
ชุดพร้อม กระเป๋าเดินทางพร้อม ใจพร้อม แต่ญี่ปุ่นไม่พร้อมที่จะให้เราทั้งคู่เดินทางไป
ไม่เป็นไร … เอาไว้โอกาสหน้าค่อยไปใหม่.. มันเลยเกิดทริปนี้เกิดขึ้น
.
ไปกาญเถอะ
.
ทริปนี้ ตัวกลมเป็นคนจัดหา จองที่พัก และการเดินทางทั้งหมดภายในวันเดียว เรียกว่าเป็นทริปแก้ขัด เพื่อเติมเต็มวันลาพักร้อนที่เสียไปกับญี่ปุ่นก็ว่าได้
เราไปกาญ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ากาญมีอะไร ไม่มีแผนเดินทาง ไม่มีแผนเที่ยวใดใด
รู้แค่ว่าพักที่ไหน … แค่นั้น
ออกเดินทางในวันที่ 1 มีนาคม ขับรถไปแบบสายชิลล์ เจออะไรน่าแวะ ก็แวะ … เจออะไรน่ากิน ก็กิน
ร้องเพลงไปเรื่อยเปื่อย.. หลงทางบ้างเป็นบางเวลา หมายมั่นปั้นมือว่าจะไปทานข้าวกันที่ “มีนา คาเฟ่”
.
กดตั้งจีพีเอสที่รถ .. แต่จีพีเอสทรยศอยู่บ่อยๆ พาอ้อมบ้าง หลงทางบ้าง ..จนบางทีจะพาลงแม่น้ำก็มี
.
ใกล้ถึงมีนาคาเฟ่ ..
มีนา … แต่เรามองไม่เห็นคาเฟ่อยู่ที่นาเลยสักร้าน เปิดกระจกถามมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่าน ว่ามีนาคาเฟ่ไปทางไหน
มอเตอร์ไซค์ขมวดคิ้ว ราวกับไม่เคยได้ยินชื่อร้านนี้มาก่อนเลย ตอนนั้นถ้าเราขับตรงเข้าไป เราอาจเจอหรือไม่เจอ — เดาจากสีหน้ามอเตอร์ไซค์
เราเลยเลือกที่จะไม่เจอ แล้วถอยรถ จนแทบจะตกคันนา
.
แวะร้านตำลั่นทุ่งแทน
ร้านที่ส้มตำเค้าดัง สมกับชื่อร้าน
แต่เราสั่งผัดกระเพรา และแกงจืดมากิน 🤣🤣 เพราะเรากลัวท้องเสีย จนทำทริปนี้กร่อย
เติมพลังจนอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไปวัดถ้ำเสือ ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดนั้นมากนัก
.
วัดถ้ำเสือ
ทันทีที่ลงจากรถ เพื่อเดินเข้าวัดถ้ำเสือ .. เราได้สัมผัสกับคำว่า “แดดเมืองกาญ”
มันช่างสมคำร่ำลือเสียจริง จนเราอุทาน ว่า”นี่แดดหรือนรก!!” .. มันร้อนจนเหมือนแดดสามารถชอนไชเข้าไส้ติ่งเราได้เลยทีเดียว
ที่วัดถ้ำเสือ คุณจะต้องเดินขึ้นบันได ที่ทั้งชั้นทั้งสูง เพื่อไปสักการะด้านบน
.
แต่สำหรับคนที่กลัวความสูงอย่างเรา แน่นอนว่าการขึ้นบันได ไม่ได้เป็นอุปสรรค .. แต่ขาลงนี่สิ ..!!
การมองจากสูงลงต่ำ ทำให้ขาเราสั่นพั่บๆ จนเป็นลมได้แน่ๆ
.
อย่ากระนั้นเลย … เรามีตัวช่วยอยู่ด้านข้างบันได้ทางขึ้น นั่นคือ “รถราง”
คนละ 10 บาท จ่ายไป .. ขึ้นถึงชั้นบนได้ทันใจ โดยห้ามมองลงล่าง สำหรับคนกลัวความสูง
ขาลง .. ก็ห้ามมอง ให้หลับหูหลับตาเดินเข้าไป
ด้านบน เป็นลานและอุโบสถ มีซอกเล็กซอกน้อย ที่สามารถรับลมและชมวิว
.
ลมจะแรงเท่าไหร่ เราไม่รู้
รู้แต่ว่าลมในจังหวัดนี้ ไม่สามารถเอาชนะความร้อนของแดดได้เลย เราเก็บภาพบรรยากาศ และยกมือไหว้พระพอเป็นพิธี ก็รีบลงกระเช้า เพราะเราทั้งคู่ แพ้แดดหนัก จนแสบไปทั้งเบ้าตา
.
วิถีคนเมือง ที่ทำงานแต่ห้องแอร์ ทำให้เราไม่สู้แดดเท่าไหร่นักและกลายเป็นข้อจำกัดของร่างกาย ร่วมกับอายุที่เยอะขึ้น
.
แควธารา
จุดมุ่งหมายต่อไป คือ เข้าที่พัก
ที่พักโอเคนะ โปร่ง โล่ง สบาย บริการดี
คืนแรกหลับไปพร้อมกับเสียงแพไม้กระแทกห้อง
เหมือนนอนอยู่ริมทะเล แล้วมีคลื่นซัดตลอดทั้งคืน
.
เพราะเราเลือกนอนห้องหัวมุมและเป็นห้องที่อยู่บริเวณทางโค้งของแม่น้ำพอดี
มันทำให้เศษไม้ และกิ่งไม้ใหญ่ๆไหลมา แล้วมาติดอยู่ที่ใต้ห้องเรา
.
นอกเหนือจากเสียงแล้ว ยังเจอแรงกระเพื่อมของเรือที่ขับผ่านมาเป็นพักๆ ทำให้ห้องพักที่ลอยบนน้ำกระเพื่อมขึ้นลงตามไปด้วย
มหาวังช้าง
เช้าวันต่อมา หลังจากการนอนไม่ค่อยจะเต็มอิ่มนักเราออกเดินทางไปอาบน้ำช้าง ที่”มหาวังช้าง”
มหาวังช้าง เป็นที่ๆเราประทับใจ และชอบที่สุดสำหรับทริปนี้
เราสัมผัสได้ว่าควาญช้างรักช้าง และดูแลช้างได้ดี
ถึงคิวเราอาบน้ำ เราเหลือบไปเห็นกระดาน เขียนว่า “แหม่ม”
ก็นึกเอะใจว่าควาญช้างมีผู้หญิงด้วยหรอ
มาเฉลยทีหลัง ว่า แหม่ม คือชื่อช้าง🤣
.
น้องแหม่ม อายุ 28 ปี เพศเมีย น้องไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ยังดูนิสัยเหมือนเด็ก แถมยังดูตัวเล็กอยู่
น้องอารมณ์ดี หูแกว่ง หางไกว เล่นกับตัวกลมตามการบอกบทของควาญตลอดการอาบน้ำ พ่นน้ำ ดำน้ำ จับโยน ขี่คอ แกว่งงวง คือสิ่งที่น้องเอนเตอร์เทนนักท่องเที่ยว
เราเป็นคู่แรกของวัน ที่ได้อาบน้ำช้าง
ควาญบอกว่าจะเล่นนานเท่าไหร่ก็ได้ เพราะยังไม่มีคิว แต่เรากลัวน้องจะเหนื่อย เราเลยเกรงใจ ใใเล่นสัก 30 นาทีก็เลิก
เป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสช้าง
ช้างไม่นุ่มนิ่ม ช้างไม่มีขนนุ่มๆเหมือนหมาแมวที่เราเคยเลี้ยง
ช้างฉลาด และบางทีก็ดูเหมือนจะฉลาดกว่าเรา
ตลอดเวลาที่เค้าเล่นกับตัวกลม
เราถ่ายรูปเค้าและเมื่อเอารูปมาดูทีหลัง เราก็พบว่าเค้ามองมาที่เราตลอด … นั่นคือเค้ามองกล้อง
เค้าคงถูกฝึกมา ให้รู้ว่า จะต้องทำท่านี้ ให้มนุษย์อีกคนทำสิ่งนี้ (ถ่ายรูป) .. เราได้แต่หวังในใจ ว่าการฝึกแบบนี้ เค้าจะไม่เจ็บ หรือไม่ถูกทรมาน
แต่ดูจากอาการที่เค้าแสดงออก เราก็เบาใจได้บ้างว่าเค้ามีความสุข เพราะหูเค้ากระดิกไปมา หางก็แกว่ง นี่คืออาการของช้างที่อารมณ์ดี
.
ช่วงหนึ่งของการอาบน้ำ ควาญคะยั้นคะยอให้เราไปถ่ายรูปกับตัวกลม ..ควาญถ่ายให้หลายรูป
เมื่อมาดูรูปที่บ้านแล้ว ก็พบว่า…
ขณะที่น้องเอนตัวลงนอน พร้อมหลับตา เหมือนท่าแกล้งตาย เพื่อให้เรากับตัวกลมถ่ายรูป งวงน้องกำหญ้าที่อยู่ใต้น้ำ
รูปที่ 1 : ใช้งวงดึงหญ้า
รูปที่ 2 : เคลื่อนงวงเข้ามา
รูปที่ 3 : เอาหญ้าใส่ปาก
เห็นแล้วก็เอ็นดู ว่าน้องคงหิว 555
แอบดีใจที่หลังอาบน้ำเสร็จป้อนกล้วยให้น้องเป็นตะกร้า
.
อิ่มหรือเปล่าไม่รู้
ได้แต่เอาใจช่วย ให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะๆ ให้น้องได้กิน และได้อาบน้ำอีกหลายๆรอบ (ควาญบอกน้องชอบเล่นน้ำ)
ใครที่มากาญ และอยากสัมผัสช้าง เราแนะนำที่นี่ …ควาญบอกให้เรามาช่วงสงกรานต์ ดอกไม้จะสวย และขี่ช้างชมวิวได้
ใจเราไม่อยากชมวิวเลย เพราะช้างจะเดินและร้อน
อยากเชียร์ให้คนที่มา เลือกอาบน้ำช้างเสียมากกว่า เพราะเค้าได้เล่นน้ำ และไม่ทรมานเท่าไหร่นัก
.
ทริปฉุกละหุกแต่นำมาซึ่งความประทับใจ
ทริปฉุกละหุกนี้ อาจไม่เติมเต็มความอยากไปญี่ปุ่นของเราได้ แต่ก็ได้พบได้เห็นอะไร ที่เราไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดมาก่อน
ถามว่าจะกลับไปกาญอีกไหม เราก็ไม่แน่ใจ
รู้แต่ว่าครั้งหน้า เราจะพกครีมกันแดดไปให้เยอะกว่านี้!!!
เพราะแดดเมืองกาญ มันสุดยอดสำหรับเราจริงๆ 😅😅